Past Simple Tense
เราจะใช้ประโยคแบบนี้ เมื่อ......?1. การกระทำนั้นเกิดขึ้นและสิ้นสุดไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมีคำบ่งเวลาที่เป็นอดีตกำกับอยู่ด้วย คือyesterday (เมื่อวานนี้) last night (week, month, year) (คืนที่แล้ว, สัปดาห์ที่แล้ว, เดือนที่แล้ว, ปีที่แล้ว)in 1962 (ในปีค.ศ.1962)
ago(ผ่านมาแล้ว)
เช่น
She walked to school yesterday. (หล่อนเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้)
I went to the cinema with John last night. (เมื่อคืนนี้ผมไปดูหนังกับ John)
2. เหตุการณ์เคยทำอยู่เป็นประจำในอดีต (แต่เดี๋ยวนี้การกระทำนั้นสิ้นสุดไปแล้ว) เช่นLast year I walked to school every day.
เช่น
She walked to school yesterday. (หล่อนเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้)
I went to the cinema with John last night. (เมื่อคืนนี้ผมไปดูหนังกับ John)
2. เหตุการณ์เคยทำอยู่เป็นประจำในอดีต (แต่เดี๋ยวนี้การกระทำนั้นสิ้นสุดไปแล้ว) เช่นLast year I walked to school every day.
(ปีที่แล้วฉันเดินไปโรงเรียนทุกวัน)
รูปคำกริยา (Verb Form) คือ คำกริยาช่อง 2ซึ่งใช้กับประธานทุกตัว คำกริยาช่อง 2 มี 2 กลุ่ม คือ
1. คำกริยาไม่ปกติ (Irregular Verbs) จะเปลี่ยนจากช่อง 1 เป็นช่อง 2 ด้วยการไม่เติม -ed เช่น
go --> went ไป
come --> came มา
sing --> sang ร้องเพลง
eat --> ate ทาน
2. คำกริยาปกติ (Regular Verbs)
จะเปลี่ยนจากช่อง 1 เป็นช่อง 2 ด้วยการเติม -ed เช่น
walk --> walked เดิน
love --> loved รัก
play --> played เล่น
study --> studied เรียน, ศึกษา
1. คำกริยาไม่ปกติ (Irregular Verbs) จะเปลี่ยนจากช่อง 1 เป็นช่อง 2 ด้วยการไม่เติม -ed เช่น
go --> went ไป
come --> came มา
sing --> sang ร้องเพลง
eat --> ate ทาน
2. คำกริยาปกติ (Regular Verbs)
จะเปลี่ยนจากช่อง 1 เป็นช่อง 2 ด้วยการเติม -ed เช่น
walk --> walked เดิน
love --> loved รัก
play --> played เล่น
study --> studied เรียน, ศึกษา
การเปลี่ยนประโยคจากบอกเล่าให้เป็นคำถาม จะต้องคำนึงถึงคำกริยาในประโยคบอกเล่าดังนี้
1. ถ้าประโยคบอกเล่ามี Verb to be
เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม ให้ทำดังนี้
(1) เอา Verb to be ขึ้นต้นประโยค
(2) คำที่เหลือเรียงเหมือนเดิม
(3) ใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ที่ท้ายประโยค เช่น
บอกเล่า : John was a doctor.
=> คำถาม : Was John a doctor?
บอกเล่า : They were at home.
=> คำถาม : Were they at home?
2. ถ้าประโยคบอกเล่ามีคำกริยาช่วย เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม ให้ทำดังนี้
(1) เอาคำกริยาช่วยขึ้นต้นประโยค
(2) คำที่เหลือเรียงเหมือนเดิม
(3) ใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ที่ท้ายประโยค เช่น
บอกเล่า : John could play golf.
=> คำถาม : Could John play golf?
บอกเล่า : They would go to Chiangrai.
=> คำถาม : Would they go to Chiangrai?
3. ถ้าประโยคบอกเล่าไม่มีทั้ง Verb to be และคำกริยาช่วย เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม ให้ทำดังนี้
(1) เอาคำว่า Did ขึ้นต้นประโยค
(ใช้กับประธานทุกตัว)
(2) เปลี่ยนคำกริยาเป็นรูปเดิม (ช่อง 1)
(3) ใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ที่ท้ายประโยค เช่น
บอกเล่า : John played golf with Jim.
=> คำถาม : Did John play golf with Jim?
บอกเล่า : They went to Chiangrai yesterday.
=> คำถาม : Did they go to Chiangrai yesterday?
1. ถ้าประโยคบอกเล่ามี Verb to be
เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม ให้ทำดังนี้
(1) เอา Verb to be ขึ้นต้นประโยค
(2) คำที่เหลือเรียงเหมือนเดิม
(3) ใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ที่ท้ายประโยค เช่น
บอกเล่า : John was a doctor.
=> คำถาม : Was John a doctor?
บอกเล่า : They were at home.
=> คำถาม : Were they at home?
2. ถ้าประโยคบอกเล่ามีคำกริยาช่วย เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม ให้ทำดังนี้
(1) เอาคำกริยาช่วยขึ้นต้นประโยค
(2) คำที่เหลือเรียงเหมือนเดิม
(3) ใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ที่ท้ายประโยค เช่น
บอกเล่า : John could play golf.
=> คำถาม : Could John play golf?
บอกเล่า : They would go to Chiangrai.
=> คำถาม : Would they go to Chiangrai?
3. ถ้าประโยคบอกเล่าไม่มีทั้ง Verb to be และคำกริยาช่วย เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม ให้ทำดังนี้
(1) เอาคำว่า Did ขึ้นต้นประโยค
(ใช้กับประธานทุกตัว)
(2) เปลี่ยนคำกริยาเป็นรูปเดิม (ช่อง 1)
(3) ใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ที่ท้ายประโยค เช่น
บอกเล่า : John played golf with Jim.
=> คำถาม : Did John play golf with Jim?
บอกเล่า : They went to Chiangrai yesterday.
=> คำถาม : Did they go to Chiangrai yesterday?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น